นั่งรถไฟเที่ยวจังหวัด Akita

::: JAPAN UPDATE : 2020-01-13 08:08:45

จังหวัดอาคิตะเป็นจังหวัดที่มีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยวจังหวัดหนึ่งของภูมิภาคโทโฮคุเลยทีเดียว เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมชมได้ถึง 4 ฤดู สำหรับทริปนี้เราจะพาคุณมาสัมผัสเสน่ห์ฤดูใบไม้เปลี่ยนสีของจังหวัดอาคิตะกันค่ะ
เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นนั้นขึ้นชื่อเป็นอย่างมากด้านการคมนาคมอย่างรถไฟ ดังนั้นเราจะมาสัมผัสบรรยากาศฤดูใบไม้เปลี่ยนสีจากเหนือสุดลงสู่ทางใต้ของจังหวัดอาคิตะด้วยการนั่งรถไฟชมวิวกันค่ะ โดยที่เราจะขึ้นรถไฟสายท่องเที่ยวไนริคุ (Akita Nairiku Line) หรือ เป็นที่รู้จักกันในชื่อรถไฟสายรอยยิ้ม (Smile Rail) จากสถานี Takanosu station และสุดสายที่ Kakunodate station โดยที่รถไฟสายนี้จะเชื่อมต่อระหว่างสถานีทาคาโนซุ (Takanosu station) เมือง Kitaakita City ในภาคเหนือของ จ. อาคิตะ กับ สถานีคะคุโนะดาเตะ (Kakunodate station) เมือง Semboku



รถไฟสายท่องเที่ยวนี้จะพาเราชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีและจุดชมวิวขึ้นชื่อต่างๆ แบบยาวๆ จากเหนือสุดลงสู่ใต้สุดของจังหวัดอาคิตะเป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งกันเลย การตกแต่งภายในรถไฟจะกว้างขวาง นั่งสบาย โดยที่นั่งออกแบบมาแบบสไตล์ญี่ปุ่น ระหว่างทางมีอาหารและเครื่องดื่มขายบนรถไฟด้วย ไม่ต้องกลัวหิวกันเลยล่ะค่ะ





เราได้สัมผัสประสบการณ์ที่สนุกสนานด้วยการนั่งรถไฟชมวิว ชื่นชมความสวยงามของธรรมชาติและภูมิประเทศของจังหวัดอาคิตะแบบที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน
ชมวิวของภูเขาโมริโยชิ (Mt. Moriyoshi) ซึ่งมีวิวใบไม้เปลี่ยนสีที่ขึ้นชื่อว่าสีสันสวยสดงดงามมาก ซึ่งคนส่วนใหญ่มักนิยมมาเที่ยวช่วงหน้าหนาวเพื่อมาดู Snow Monsters ที่ภูเขาลูกนี้
รถไฟขบวนนี้พาเราข้ามสะพานโอมาตะกาวะ (Omatagawa Bridge) หนึ่งในจุดชมวิวที่ขึ้นชื่อที่สุดของรถไฟสายนี้ ซึ่งจะข้ามแม่น้ำสายใหญ่ ทั้งสองฝั่งแม่น้ำจะมีภูเขาล้อมรอบ เป็นภาพที่หาชมได้ยาก




จุดชมวิวถัดมาคือสะพานฮิตาชิไนกาวะ (Hitachinaigawa Bridge) จุดชมวิวติดอันดับอีกจุดหนึ่งของสายอาคิตะ ไนริคุ (Akita Nairiku Line) จากบนสะพานนี้เราจะมองเห็นวิวลำธารจากหุบเขาลึกแวดล้อมด้วยภูเขาที่ใบไม้ทยอยกันเปลี่ยนสีสลับเขียว เหลือง น้ำตาล และปกคลุมด้วยหมอก




จากนั้นรถไฟจะพาเราลอดอุโมงค์ที่ยาวที่สุดในอาคิตะ ซึ่งมีความยาวถึง 5,697 เมตร และในวันที่อากาศดี เราจะสามารถมองเห็นภูเขา อาคิตะ โคมากาทาเกะ (Mt. Akita Komagatake) ซึ่งเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของจังหวัดอาคิตะอีกด้วยค่ะ

ไปกันต่อที่ หมู่บ้านซามูไรคาคุโนดาเตะ (Kakunodate Village) กันเลยค่ะ
หมู่บ้านซามูไรแห่งนี้มีประวัติยาวนานเกือบ 400 ปี ตั้งแต่ ค.ศ. 1620 (หรือเทียบเท่า พ.ศ. 2163) ซึ่งหมู่บ้านแห่งนี้ยังถูกกล่าวขานว่าเปรียบเสมือนเมืองเกียวโตขนาดย่อมๆ ในสมัยนั้น และยังเป็นเมืองปราสาทที่ใหญ่ที่สุดของการปกครองย่อยของเมืองอาคิตะในสมัยนั้นอีกด้วย โดยมีบ้านของซามูไรถึง 80 ครัวเรือน และครัวเรือนที่เป็นร้านค้ามากถึง 350 ครอบครัว

บ้านซามูไรที่มียศสูงนั้นจะตั้งอยู่ใกล้กับปราสาท ยิ่งหลังไหนอยู่ใกล้ปราสาทมาก หลังนั้นย่อมมียศสูงมากเช่นกัน ซึ่งในปัจจุบันเราจะสังเกตเห็นบ้านซามูไรที่มียศสูงมีรั้วบ้านที่ทำด้วยไม้สีดำปิดล้อมไว้

บ้านอิชิงุโระ (Ishiguro-ke) เป็นหลังที่เก่าแก่มากที่สุดในบรรดาบ้านซามูไรในคาคุโนดาเตะ และได้ถูกลงทะเบียนไว้ให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมของเมืองเซมโบะคุ (Semboku City)
หากสนใจเข้าชม จะต้องจ่ายค่าเข้าชม 300 เยนสำหรับผู้ใหญ่ และ 150 เยนสำหรับเด็ก (ราคานี้คือราคาเข้าชมเป็นกลุ่มตั้งแต่ 20 คนขึ้นไป)





ลำดับต่อมาจะเป็นบ้านซามูไรระดับกลาง Iwahashi-ke แต่ก่อนนั้นบ้านหลังนี้หลังคามุงด้วยจาก ต่อมาในช่วงสมัยเอโดะตอนปลายได้ปรับปรุงใหม่โดยเปลี่ยนมามุงหลังคาด้วยไม้  บ้านหลังนี้ได้ถูกจดทะเบียนไว้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของจังหวัดอาคิตะ และไม่เสียค่าเข้าชมค่ะ





ที่หมู่บ้านซามูไรนั้น นอกจากจะมีบ้านซามูไรแล้ว ยังมีพิพิธภัณฑ์ที่เกี่ยวกับภาพวาด ศิลปะ และสิ่งประดิษฐ์ที่แสดงให้เห็นถึงวัฒนะธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของแถบคะคุโนะดาเตะอีกด้วย

นอกจากนั้นผู้มาเยือนยังสามารถชอปปิ้งและทานอาหารที่หมู่บ้านซามูไรได้ เพราะที่นี่มีทั้งร้านขายของพื้นเมือง ของที่ระลึก ร้านอาหาร ร้านไอศกรีม






ส่วนกิจกรรมที่น่าสนใจและแนะนำว่าถ้ามาที่หมู่บ้านซามูไรแล้วต้องลองทำดู นั่นก็คือ การนั่งรถลาก Jinrikisha ซึ่งเป็นการนั่งรถลากสไตล์ญี่ปุ่น โดยใช้คนลาก รถลากด้วยแรงคนนั้นเริ่มมีมาตั้งแต่สมัยเมจิแล้ว และได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในญี่ปุ่นขณะนั้น




การเที่ยวหมู่บ้านซามูไรด้วยรถลากนั้น นอกจากจะได้สัมผัสวิถีชีวิตและวัฒนธรรมในแบบญี่ปุ่นแล้ว เราจะยังเข้าใจเรื่องราวและประวัติศาสตร์ของหมู่บ้านนี้มากขึ้นอีกด้วย เพราะคนที่ลากรถให้เรานั้นก็คือทัวร์ไกด์ด้วยเช่นกัน นอกจากเขาจะอธิบายเส้นทางตามหมู่บ้านแล้ว ยังบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของหมู่บ้านนี้ ตลอดจนประวัติศาสตร์ของซามูไรด้วยค่ะ

ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ผู้คนจะนิยมมาชมดอกซากุระที่นี่ และหมู่บ้านแห่งนี้ยังถูกใช้เป็นเมืองจำลองประกอบฉากในหนังหรือภาพยนตร์ในหลายๆ เรื่อง อีกด้วย เพราะหมู่บ้านนี้เป็นจุดชมวิวซากุระยอดนิยมอีกจุดหนึ่งที่ใครที่ได้มาแล้วก็ต้องประทับใจไม่แพ้ช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีเลยทีเดียว




ราคารถลาก 15 นาที 3,000 เยน ครึ่งชั่วโมง 5,000 เยน 1 ชั่งโมง 9,000 เยน
Website: http://kakunodate-kanko.jp/language/en/samurai/


มาติดตามดูกันต่อนะคะว่านั่งรถไฟเที่ยวอาคิตะในฤดูหนาว และมาสัมผัสเสน่ห์หมู่บ้านซามูไรในฤดูใบไม้ผลิกันค่ะว่าจะน่าสนใจขนาดไหน